(มาอัปเดตเพิ่ม เล่นจบแล้ววว)

ยกเครื่องคอมแบทใหม่ ลื่นไหลสุดๆ คัตซีนดีงาม คอมพาเนียนมีสเน่ห์ แอคสามเริ่ดสุด

เล่นวอริเออร์มันส์จัดบอกเลย เสียงตอนโล่กระแทกับพื้น เสียงตอน counter attack ฟินมากกก
ถ้าสนใจแต่ลังเล อย่าให้ใครมาทำลายความสนุกของเรา มีตังค์พอแล้วอยากเล่น ซื้อโลดค่ะ เราเป็นคนที่รักแฟรนไชส์นี้คนนึง เล่นจบแล้วไม่เสียดายและจะรอเล่นภาคต่อไปด้วย

ก่อนเล่นเราเคยกังวลบางฉากที่มีคนอื่นแปะมาว่ามันอาจจะ cringe จากความโว้ค เราไม่เคยสนใจว่าอะไรคือโว้คหรือแอนตี้โว้ค แต่เล่นจนจบแล้วปกติดี ไม่เห็นมีอะไรแปลก
* ส่วนของตัวละคร Taash ที่คนบ่นกันนักกันหนา
1. คนที่บ่นว่าใส่ประเด็นเพศ non-binary มาทำไม
-- คำตอบเรามีสปอยล์ทั้งเส้นเรื่องของตลคแบบย่อ ทาชกับแม่มีปัญหากัน แม่เป็นพวกเจ้าระเบียบ/ตรง/อนุรักษ์นิยม/ไม่อ่อนโยนซึ่งสืบเนื่องมาจากหน้าที่บทบาทของตัวเองและลักษณะเผ่า แม่พาทาชหนีออกมาจากเผ่ากำเนิดเพราะไม่อยากให้ลูกโตมาในนั้น ทาชเกิดมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษที่หาได้ยากแม่ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิม มีคำพูดนึงที่แม่สอนทาชแต่ด้วยความอ่อนภาษาเกิด ทาชเข้าใจว่าแม่สอนให้เราต้องยากลำบากถึงจะค้นพบตัวเอง มันกลายเป็นน้ำหนักที่เจ้าตัวแบกสะสมไว้ ด้วยความที่แม่แสดงความรักไม่เป็น ลูกก็โตมาเป็นคนตรง ปากเร็วใจเร็ว เหมือนเด็กไม่ได้รับความรักแบบอ่อนโยน ทาชรู้สึกว่าทำไมการจะเป็นตัวเองต้องลำบาก ทำไมแม่ต้องสอนให้เค้าเป็นนั่นหรือนี่ในสิ่งที่เค้ารู้สึกไม่ใช่ ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากการไม่ได้สื่อสารกันมากพอ ง่ายๆเลยถ้าตัดประเด็นเพศไปมันคือปัญหาครอบครัวจริงๆ นะ
2. คนที่บ่นว่าตัวละครน่ารำคาญ ทำตัวไม่มีเหตุผล บลาๆ
-- ทาชสำหรับเรายังอยู่ในวัยรุ่นอยู่เลยเดาว่าราวๆ 20 ด้วยความอารมณ์ร้อน ปากไว ตรงทื่อ คิดอะไรก็พูด การกระทำบางอย่างที่ไม่น่ารักมันก็สมเหตุสมผลกับนิสัยเจ้าตัว ไม่ได้บอกว่าเป็นนิสัยที่ดี อะไรดีไม่ดี ผู้เล่นเป็นคนตัดสิน
3. คนที่บ่นว่าทาชไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ให้ช่วยกุก่อน งอแงไม่ยอมช่วยโลก
-- ไม่รู้คนพวกนี้เล่นเกมจริงเปล่า หรือเป็นพวกไม่สนใจเนื้อเรื่อง? เกมมันดีไซน์มาว่าให้เคลียร์เรื่องที่ติดอยู่ในใจทุกคนก่อนจะไปเล่นบทจบ เพราะเราไม่อาจยอมรับความผิดพลาดได้ และทาชไม่เคยงอแงไม่ทำหน้าที่ คุณจะไม่ทำเควสของทาชก็ได้
4. คนที่บอกว่าต้องยัดเยียดขนาดไหน เรียกสรรพนามผิดแล้วลงโทษให้ไปวิดพื้น
-- ประการแรกอิซเบลลาลงไปวิดเอง มันเป็นธรรมเนียมปฎิบัติของชาวริเวนตั้งแต่โบราณ อุบายคือคนทำผิดพอเหนื่อยแล้วมันช่วยให้ระลึกสิ่งที่ทำไปมากกว่าการพูดขอโทษปากเปล่า และช่วยแก้ปัญหาคนทำผิดแล้วบ่นงุ้งงิ้งน้อยใจตัวเองว่าโอ้ ฉันมันแย่จริงๆ แค่ทำผิดแล้วรับโทษไปก็พอ
-- ประการสอง โลกดราก้อนเอจมีตัวละคร non-binary หรือเพศสภาพไม่ตรงกับใจมานานแล้ว ไม่ว่าจะถูกกล่าวถึงมากหรือน้อยก็ตาม เช่นเดียวกับโลกเราที่มีอยู่รอบตัว บางคนบอกประเด็นการเมืองชัดๆ มาปลูกฝังความคิดสอนให้คนผิดเพศ เอ่อ.. มันคือความหลากหลายค่ะ มันคือความเป็นไปของธรรมชาติ โลกนี้ไม่ได้มีแค่ 0 1 และสิ่งที่ยึดว่ามีแค่เพศ ญ ช ก็ไม่ใช่ fact แต่มันคือข้อกำหนดที่ตั้งขึ้นมาร่วมกันเพื่อให้เข้าใจง่ายและตรงกันเป็นสากล มันไม่ได้หมายความว่าสิ่งนอกเหนือจากนี้ไม่มีอยู่จริง คุณไม่เปิดใจยอมรับรึเปล่า
-- ขอเปรียบแบบนี้สำหรับคนที่บอกว่ายัดเยียด เหมือนงานศิลป์มันอยู่ตรงหน้า คนนึงคุ้นเคยประสบการณ์อีกแบบก็จะตีว่ามันพูดถึงดอกไม้ อีกคนใช้ชีวิตอยู่กับประสบการณ์อีกแบบก็จะตีความว่ามัน golden flower ต่างหาก ..... สุดท้ายก็แล้วแต่คนเสพสื่อ ถ้าคุณหมกมุ่น/อคติอยู่แต่กับความ anti woke/dei คุณก็คงต้องหลบสื่อพวกนี้ไปทั้งชีวิต ลำบากน่าดูเลย สู้ๆ นะจะเป็นกำลังใจให้


- เนื่องจากคอมแบทมันออกไปทาง action จ๋า ผสม tactical หน่อย แต่ไม่มี top-down camera, ไม่ได้คุมตัวละครอื่นในปาร์ตี้ แถมเพื่อนในทีมก็ไม่มีหลอดเลือด แล้วยังลดเหลือ 3 คนรวมเรา ตอนทีเซอร์ออกแรกๆ ก็ขัดใจ แต่พอมาเล่นเองแล้วก็รู้สึกว่ากลมกล่อมดี ถึงจะขาดการใช้สมองไปหน่อยแต่ก็ได้ใช้ฝีมือ

- quality of life ที่ดีมากๆ คือ ไม่ต้องจัดการ inventory แล้ว ไม่มีช่องเต็ม ถ้าเก็บของ/ซื้อไอเทมซ้ำอันเดิมจะอัปเกรด trait ขั้นต่อไปของไอเทมนั้นๆ ส่วนเลเวลไอเทมอัปเดตได้จาก shop ที่ฐาน

- กราฟฟิก, เลเวลดีไซน์,ซาวน์ดีไซน์,ฉากคัตซีน ดีงามทุกอย่าง ถ้าคอมไหวคือได้ใช้ photo mode เพลินมาก ฉากดีไซน์สวยจริงๆๆๆๆๆๆๆๆ (ย้ำว่าจริงๆ) ถึงบางที่จะได้สำรวจแค่สั้นๆ แต่เจ๋งมาก ใครไม่ถูกใจความพริ้งลองปิดออบชัน bloom effect มันจะดิบแล้วได้อารมณ์ไปอีกแบบ

- การดำเนินเรื่องกับเกมเพลย์ออกไปทาง level base เช่น เราทำเควสใน area นี้ ซึ่งเส้นทางทำเควสมันต้องการแค่พื้นที่บางส่วน ส่วนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวก็จะยังเข้าไม่ได้จนกว่าจะปลดล็อคอินโทรของ area นี้ แถมบางทีเคยไปมาแล้ว พอกลับไปอีกด้วยเควสเนื้อเรื่องใหม่ พื้นที่ตรงนั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงๆ

- ถึงจะบอกว่าพื้นที่เล็กลงแล้วแต่ว่าซับซ้อนขึ้นเยอะ ถ้าปิด hint/guide ทุกออบชันแบบเราคุณอาจจะหลงง่ายๆ

- เครื่องเราอาจจะ cpu ต่ำกว่าสเปคหน่อยนึง เจอเสียงกระตุกๆ ขาดๆ บ่อยในฉากที่มีคนเยอะๆ หรือในป่า (ryzen 5 2600)

- เกมแครชตอนที่คีย์บอร์ดเป็นภาษาไทยแล้วเข้าเมนูตั้งค่าในเกม อย่าลืมเปลี่ยนเป็นแป้นอังกฤษ

- การคุยกับ companion: ตอนเล่น inquisition ชอบมากตอนที่ได้คุยกับตัวละครแล้วถามตอบหัวข้อเรื่องได้เยอะและลึกเลย คือคุยทีใช้เวลาเป็นครึ่งชม.ได้ พอมาภาคนี้เสียดายที่ไม่มีแล้ว เราเลือกคุยกับคอมพาเนียนเองไม่ได้ต้องรอเค้าอยากคุย เบื้องลึกของตัวละครมาจาก codex ซะเยอะ

- ดังนั้นห้ามพลาด codex มันทำให้เกมรู้สึก rich ขึ้นและพอจะชดเชยส่วนที่ขาดไปจากไดอะล็อกได้ อ่านง่ายด้วยไม่ยาวเกินไป

- เพลงประกอบเกม: ไม่ว้าวในแว๊บแรกที่ฟังเหมือนนภาคที่แล้ว แต่มัน slap เอาเรื่อง ยิ่งเพลง battle นี่พอเล่นจบแล้วไปฟังเพลงข้างนอกเพิ่ม มีชอบหลายเพลง เช่น Dragon Hunter, Down but Not Out, Where the Dead Must go, Main Theme และอื่นๆ อีกมากมาย

- เนื้อเรื่อง companion ทำมาได้ดีเลย มีทั้งปมปูพื้นหลังตัวละคร มุมอ่อนไหว มุมผ่อนคลาย เล่นแล้วเพลินมากๆ รู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครทุกตัว นักพากย์ทำดีมาก

- Romance: ให้อารมณ์มาช้า แต่มานะ เอาจริงๆ รู้สึกดึงดูดกับตัวละครในแว๊บแรกมากกว่าภาคที่แล้ว ภาคนี้ฉันก็จีบหลายคนพร้อมกัน ถึงเวลาถ้าต้อง commit มันจะเตือนเอง
เม้ามอยคนที่จีบ: เราจีบ Emmrich + Davrin + Neve คนแรกคือเล็งไว้ก่อนเล่น คนที่สองกับสามตามมาเองตอนเล่นๆ ไปแล้วหลงเสน่ห์ เซฟแรกเลือกคนแรกก่อน รู้สึกชอบดีไซน์ personality กับปูมหลังและหลายๆ อย่างของตัวละคร มันดูลึกซึ้ง ดูเศร้า แล้วก็สงบในเวลาเดียวกัน บรรยายไม่ถูกแต่ว่าเป็นองค์ประกอบที่มีสเน่ห์มาก อีกสองคนก็ชอบจากเควสและการพูดคุย เดี๋ยวรอเล่นรอบถัดไปจะจีบ

- เรื่องช้อยส์และผลกระทบ: ช้อยส์พูดคุยย่อยๆ ไม่ได้มีผลอะไรเป็นเหมือนแค่ role บทพูดแสดงถึงนิสัย Rook มากกว่าที่จะเป็นการเลือกจะทำหรือไม่ทำ เพราะเนื้อเรื่องมันเป็นไปตามสูตรทั้งเกม ยกเว้นแค่ช้อยส์ใหญ่ๆ ไม่กี่ช้อยส์ที่ impact จริงๆ เพราะฉะนั้นจะถามหาอิสระในเกมนี้แบบ DAO ก็ไม่เจอหรอกนะ
แต่ถ้าถึงแอคสามเมื่อไหร่ ช้อยส์หนักมาหาคุณแน่ แอคนี้ทำดีมากเหมือนดูหนังเลย

- เล่นที่ความยาก underdog แรกๆ สนุกดี หลังๆ เริ่มเหนื่อย health boss เยอะ ตายบ่อยจริงถ้าไม่จัดบิลด์ดีๆ หาไอเทม trait ดีๆ ตั้ง primer + detonator ดีๆ ถึงจะสนุก อย่าลืมใช้สกิลของเพื่อนให้คุ้ม ชีวิตจะง่ายขึ้น


- เกมมันค่อนข้างอ่อนไหวมาก ธีมมันวนอยู่กับการเสียใจ การจากลา ความผิดหวังในตัวเอง หรือการปล่อยวาง เล่นแล้วน้ำตาซึมก็หลายฉาก ยิ่งแอคสุดท้ายคือร้องไห้แบบคนอกหักเลย

- ส่วนตัวเราค่อนข้างมีช่วงเวลาที่เบื่อเกม ตอนที่พยามไล่เก็บเควสย่อยให้หมดทีเดียวช่วงๆ act 2 อยากแนะนำให้กระจายทำไป เน้นเควสเพื่อนก่อน แล้วสลับๆกับเควสหลักและย่อย ที่ให้เน้นเควสเพื่อนก่อนเพราะพอเนื้อเรื่อง progress ไปเรื่อยๆ เวลาพาเพื่อนไปสู้จะได้มีเรื่องคุยกันเยอะๆ ถ้ารีบเคลียร์เควสย่อยก่อน พอเนื้อเรื่องเพื่อนดำเนินตอนใกล้จบแบบเราจะไม่เหลือพื้นที่อะไรให้เดินคุยกันแล้วยกเว้นจะตั้งใจพาออกไปเดินเล่น

- ตอน end of act 1 อันนี้ขนลุกเลยทั้งฉาก เพลง คัตซีน แนะนำเล่นแล้วให้มองลงไปข้างล่างด้วย ได้ฟีล Helm's Deep ใน lotr ยังมีตำนานหลายประเด็นที่ถูกกล่าวถึงตั้งแต่ภาคก่อนๆ แล้วมาไขปริศนาในภาคนี้ประทับใจมาก

- โมเม้นท์ยิ้มแก้มปริบ่อยมาก อยากดึงอัซซานกับแมนเฟรดมากอด ลูบหัว น่ารักจริงง (;-;)

- เสียดายเส้นเรื่องหลายจุด ตัวร้ายมีไม่กี่ตัวที่น่าจดจำ การผูกปม/ดำเนินเควสมันดูง่ายเกินไป แทนที่จะมีการโยงหลายชั้น ภาคนี้เหมือนหลายๆ อย่างชี้ไปที่จุดเดียวมันดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เหมือนขาดความลึกของเนื้อเรื่องไป