ปกติผมก็จะซื้อมาแล้ว บางเกมก็เนื้อเรื่องดี แต่มีจุดที่ด้อยของ gameplay หรือมันก็พอได้อยู่มั้ง บางเกมก็ gameplay ดี แต่เนื้อเรื่องมันก็แค่แทบไม่มี ,มันก็นิทานเด็กมั้งหรือไม่ก็อยู่ที่เกณฑ์ดีอยู่แต่ไม่มากสำหรับผม
พอผมเล่น Ori and the Blind Forest และ Ori and the Will of the Wisps
ภาคแรก ผมรู้สึกค่อนข้างที่จะอินแทบทุกฉาก จากเกมที่ห่างไป 5 ปีกว่า(มั้ง) คืออินจนแทบจะเกือบลืมเกม Undertale ไปเลย เพราะมันค่อนข้างที่จะมีเหตุผลกว่าเกมอื่นๆ
พอไปภาคนี้หรือ Ori and the Will of the Wisps

คือผมไม่เคยเกมอินดี้ไหน ที่ยอดเยื่ยมได้ขนาดนี้ ทั้งตัวละคร เพลง บรรยากาศ ความ(โตรต)อิน และอื่นๆที่คุณจะเจอ จากที่ผมเห็นคะแนนรีวิว Ori and the Will of the Wisps ได้คะแนนที่สูงพอสมควร ผมยอมจ่ายเงินภาคแรกและภาคนี้ ซึ่งเพราะพอดีเพื่อนผมไม่ชวนไปกินชาบู(ทั้งๆที่ตรูก็ชวนจ่ายก็ได้)และเรื่อง covid 19 อีก ซึ่งนี้แหละคือสาเหตุที่ทำไมผมต้องมาเล่นเกมนี้


1.เนื้อเรื่องดีกว่าภาคแรกพอสวร แต่อาจจะสั้นเหมือนภาคแรก แต่จากที่เคยเล่นภาคแรก รู้สึกมันไม่สั้นนะ มันมีความเล่าต่อจากภาคที่แล้ว (ส่วนที่เหลือผมไม่บอกละ ไปข้อ 2 ต่อ)
2.เกมที่จากมี quests หลัก กับ side quests ซึ่งที่มีความเป็นมา เกิดอะไรขึ้น ที่มา ยังไง คุณต้องหาเอง ซึ่งส่วนมากเหมือนผมเป็นเขาให้ผมหาของมากกว่า ซึ่งบาง side quests ก็ยังไงมีความเชื่อมโยงความเป็นไปได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรืออาจจะดราม่ากว่า quests หลัก ก็ได้
3.ใครชอบเล่น Undertale ,Cuphead ,A Plague Tale: Innocence และ Oneshot (หรือ Hollow knight อันนี้ผมไม่ได้ซื้อมาเล่นเลย) พอมาเกมนี้ นี่คือเกมโปรดของคุณเลย
4.เรื่องแต้มที่จะไม่ใช่แค่ Xp เหมือนภาคแรกแล้ว ซึ่งจะเหมือนเสมือนเงิน ที่สามารถซื้อสกิล อัพสกิล ซื้อของ ซื้อสกิลใหม่ ซื้อแผนที่??? และอื่นๆที่คุณต้องเจอ บางครั้งที่รับพวกไม่ใช่แต้มอย่างเดียว ยังมี Gorlek และอื่นๆ (ผมจำไม่ได้ละ 5555) ที่อาจะทำหน้าที่อย่างอื่นๆมั้ง (คือ -_- Farcry 5 ชัดๆ 5555)
5.ส่วน boss fight สนุก puzzle มีหลากหลายน่าเล่น (สำหรับคนที่เล่นภาคแรกแล้ว) ผมคิดว่า puzzle ดูเหมือนง่ายกว่าภาคแรกยังไงไม่รู้ ภาคแรกรู้สึกเหมือนเด็กยุคสมัย 90s ทางนิดๆหน่อยๆที่ผมมองไม่เห็น คือเส้นทางที่เราต้องไป ซึ่งที่โตรตเวียนหัว ปวดหัวมากกว่า พอมาภาคสองที่เริ่มยุคสมัยใหม่ ไม่มีทางที่น่าปวดหัวเหมือนภาคแรกอีกแล้ว ผมคิดว่ามันแฟร์ดีนะ (ผมเล่น Hard Mode นะ)
6.เรื่องของบรรยากาศ เพลงนี่เข้ากันมาก ใครที่ชอบความบรรยากาศดีๆ สบายๆ และคนที่ชอบฟังเพลงเหมือนผม เกมนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน
7.ภาพงาน art นี่จากสุดยอดมาก และเข้ากับบรรยากาศพื้นที่แต่ละพื้นที่ (ตามเหมือนข้อ 5 นิดๆ)
8.ใครมีจอ 21:9 นี่บอกตรงๆ เหมือนดูการ์ตูนผสมหนัง ได้ความโตรตอินแบบเต็มที่

1.อาจจะน่าปวดหัวคือเรื่อง boss fight ที่โตรตยาก แต่มีบาง boss ที่คนเขากันว่าหัวร้อนมากกกกจนกล่าวขนานนามว่า boss ที่ยากที่สุด จากที่ผมลองเล่นตอนที่หนีไป (คิดเอาเองว่าฉากไหน) แล้วมันไม่ได้ยากและไม่ได้ง่ายนะ ผมตายไปแค่ 2 ครั้งเอง แต่อย่างน้อยดีกว่าไอ้ตอนก่อนที่จะฉากนี้ (ใบ้ ไอ้เขียวๆเยอะๆง่ะ) แ-่งยากชิบ
2.เรื่องบัค หลายๆคนบอกว่าเยอะมากหรือน้อยมาก อยู่ที่ดวง ส่วนตัวผมก็เจอบัคน้อยไปนิด เสียงขัดๆมั้งแต่น้อยมาก เกมปิดเอง(ซึ่งตอนที่ผมวาร์ปไปที่อื่น มันมีตัวศัตรูอยู่มันรุมทีบผม แล้วก็เกมปิดเอง ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นข้อผิดพลาด ถ้าเดา ซึ่งอันนี้ไม่ใช้ข้อเสีย ผมไม่ยอมอยากตบศัตรูให้เคลียร์ก่อนและค่อยวาร์ป ง่ายๆคือโง่เองด้วยซ่ำง่ะ 5555555)
3.บัค achievement ที่มาจากไหนไม่รู้ ทั้งๆที่เคยได้มาแล้วๆ แล้วมันมาให้อีก ซึ่ง...งง WTF????

1.เกมนี้แน่นอ่านอังกฤษมากกว่า ถ้าใครไม่เก่งก็พออินได้ แต่ผมแนะนำให้เก่งด้านอังกฤษเอาไว้ จะดีมาก
2.ใครที่ไม่เคยเล่นภาคแรก ผมแนะนำไปภาคแรกก่อน อย่าไปภาคนี้โดยที่คุณไม่เคยเล่นภาคแรก
3.ใครไม่ชอบเล่นอะไรยากๆ ผมก็ยังไม่แนะนำเท่าไร เหมือนอารมณ์ที่เล่น cuphead มาแล้วยาก ถ้าคุณรับไหว อันนี้ต้องทำใจตั้งสติ อย่าหัวร้อนด้วย :)
4.เรื่องของคอมตัวเอง ใครคอมไม่แรง ผมไม่แนะนำเท่าไร ยิ่งร้ายกว่านั้น คนที่ไม่มี ssd มีโอกาศกระตุกได้ประมาณ 70% จากที่ผมได้ลองถามดูคนอื่นมา

1.ตัวละครจะมีความผูกพัน ความอบอุ่น และอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นผมชอบ Ori มากง่ะ :)
2.เพลงซาวด์ประกอบนี้เข้ากันได้ดีมาก
3.งาน Art ที่มีเอกลักษณ์ของเกม Ori ที่ทำได้ดีมาก
4.Cutscenes ที่ Run Realtime ไม่ใช่แบบ video แบบ Render เสร็จแล้วมาโหลดเกม
5.เกมที่เกินคุ้มราคา เกมราคา 379 บาท แต่คุณภาพราคาเกือบพัน

บอกจะว่า
10/10 อยากเกินกว่านี้ได้ไหม ;(
"ผมยอมเกมนี้ให้เป็นเกมที่ดีที่สุดในปี 2020 ปีนี้และตลอดกาลของผมก็ได้"
"The Best Indie Game 2020"