หมายเหตุ: อัพเดทความเห็นหลังจากอัพเดท 1.1.7.0 ครับ

ก่อนที่จะมีโอกาสได้อ่านความเห็นนี้ ก็คงจะมีเกมเมอร์หลายท่านไม่น้อยที่มีโอกาสได้เห็นความเห็นเกี่ยวกับ Grim Dawn ที่ตัวผม (ผู้เขียน) เองได้เขียนทิ้งไว้บนหน้า Store ของเกมนับตั้งแต่เมื่อตอนปี 2016 มาบ้าง ต้องขอสารภาพตามตรงว่าตัวผมเองนั้นก็แทบจะไม่มีโอกาสจับเกมอีกเลยมานับแต่นั้น เหตุผลก็เพราะผมหลงลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับมัน

แน่นอนว่าในเมื่อเวลาเปลี่ยน เกมก็ย่อมเปลี่ยน แม้ Grim Dawn จะเป็นเกมที่มีอายุหลายปีแล้วแต่ทีมพัฒนาก็ยังคอยฟังเสียงของผู้เล่นและอัพเดทเกมของตัวเองอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่ง Update ใหญ่หลังสุดก็เพิ่งจะมีเมื่อช่วงต้นเดือน (มิถุนายน 2020) ที่ผ่านมานี้เอง จะด้วยเหตุที่ถูก Ch’thon ดลใจหรือด้วยเหตุใดก็ยากจะบอกได้ จู่ ๆ ผมนึกคึกตัดสินใจที่จะโหลด Grim Dawn มาลงใหม่และนี่ก็คือที่มาของความเห็นที่คุณกำลังอ่านกันอยู่นี้

“Grim Dawn” เป็นเกมแนว ARPG แบบ Hack & Slash (หรือแบบที่ในบ้านเรามักจะเรียกว่าแนว Diablo) ที่มีฉากหลังตั้งอยู่ในโลกที่ล่มสลายซึ่งแลดูค่อนข้างจะคล้ายกับโลกในยุควิกตอเรียนของเรา แม้ดูเพียงผ่านจาก Screenshot ตัวเกมอาจจะแลดูล้าสมัยไปไม่น้อยเพราะตัวเกมยังคงใช้เอนจิ้นเดียวกันกับ Titan Quest (ทีมพัฒนาของ Grim Dawn ส่วนใหญ่เป็นทีมเดียวกันกับที่พัฒนา Titan Quest ภาคหลักและ Immortal Throne) อย่างไรก็ตาม Grim Dawn ก็ยังคงถูกยกให้เป็น ARPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งของยุคสมัยนี้แม้ตัวเกมจะมีอายุครึ่งทศวรรษแล้วก็ตาม

ความเห็นของผมหลังจากที่ได้สัมผัสกับ Grim Dawn นั้นก็ไม่ต่างไปจากคนอื่น ๆ มากนัก แม้รูปโฉมของมันอาจจะไม่สวยถูกใจเกมเมอร์ยุคใหม่มากนัก แต่มันก็เป็น ARPG ที่มีเนื้อหาและระบบการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเกมหนึ่ง เพราะในขณะที่เกมทั่วไปนั้นพยายามที่จะปรับระบบให้ Casual ขึ้นเพื่อหมายที่จะจับผู้เล่นกลุ่มใหญ่ ทว่า Grim Dawn กลับยังคงเลือกที่จะยึดระบบการเล่นแบบเก่าที่เคยใช้และประสบความสำเร็จใน Titan Quest เอาไว้และนำมันมาต่อยอดเพื่อใช้ใน Grim Dawn

ก็เหมือนดังเช่นในเกมเก่าของพวกเขาอย่าง Titan Quest ในเกม Grim Dawn ก็ยังคงใช้ระบบ Dual-class ในการพัฒนาตัวละคร โดยในเกมภาคหลักก็มี 6 Masteries ให้เลือกและภาคเสริมก็มีเพิ่มมาอีก 3 ดังนั้นตัวเกมจึงมีมากถึง 28 Classes และด้วยเหตุที่ Skill Points มีอยู่อย่างจำกัด แต่ละ Class จึงมี Build แยกย่อยลงไปอีกอย่างหลากหลาย นอกจากนี้ตัวเกมก็ยังมีระบบ Devotion Points ที่มอบโบนัสให้กับตัวละครและส่งผลให้เราสามารถที่จะปรับแต่ง Build ของตัวละครได้อย่างหลากหลายมากขึ้นไปอีก ดังนั้น Grim Dawn จึงเป็นเกมที่เราสามารถที่จะหยิบกลับมาเล่นซ้ำได้หลายรอบมาก ๆ เพื่อลอง Build ต่าง ๆ และไม่ใช่เรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจนักถ้าจะมีเกมเมอร์จำนวนไม่น้อยที่สูญเวลาในชีวิตไปหลายร้อยหรือหลายพันชั่วโมงในเกม (ซึ่งเกมเมอร์กลุ่มนี้พบเจอได้เยอะไม่น้อยใน Subreddit ของเกม)

อย่างไรก็ดีเหตุผลที่ผมเลือกที่จะหยิบยก Grim Dawn มากล่าวถึงบนเพจ (เรื่องเล่าจากข้างใต้ผืนฟ้าที่ไร้แสง) ก็ใช่เพียงเพราะว่ามันเป็นเกมที่ดีเพียงเท่านั้น แต่เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ผมเลือกที่จะกล่าวถึงมันก็เป็นเพราะผมเพิ่งจะระลึกได้ตอนที่ได้เล่นไปถึงช่วงกลางเกมว่าแท้จริงแล้ว Grim Dawn นั้นมีองค์ประกอบหลายจุดที่ได้หยิบยืมแนวคิดแบบ Lovecraftian มาใช้ หรือจะกล่าวว่ามันเป็น Lovecraftian ในฉบับ ARPG แบบ Hack & Slash เลยก็ไม่ผิดไปจากข้อเท็จจริงสักเท่าไหร่

ในช่วงแรกของเกมนั้น Grim Dawn อาจจะชวนให้ระลึกไปถึงโลกแฟนตาซีที่ล่มสลายคล้ายกับในหอคอยทมิฬ (Dark Tower) ของลุงคิงที่มีอารมณ์เจือความเป็น Wild West อยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเล่น ๆ ไป เนื้อหาของเกมก็จะเริ่มเวียนกลับมาเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ประหลาดจากต่างโลกที่เรียกว่า The Ch’thonians และเหล่าสาวกผู้บูชาเทพนามว่า Ch’thon ซึ่งในช่วงกลางของเกมไล่ไปจนถึงภาคเสริม ตัวเกมแทบจะปล่อยความเป็น Lovecraftian ออกมาให้ผู้เล่นได้ฟินไปกับเนื้อหาแบบไม่ยั้ง ถ้าคุณชอบ Cthulhu Mythos ก็เป็นไปได้มากว่าคุณจะชอบโลกของ Grim Dawn เช่นกัน

ก็เหมือนดังเช่นที่ผมได้เอ่ยไป ตัวเกมมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ออกจะเก่าที่ชวนให้ขัดใจอยู่ไม่น้อยสำหรับเกมเมอร์ยุคใหม่ ทว่าสำหรับผู้ที่มีใจรัก ARPG แนว Hack & Slash แบบเก่า ๆ ที่มีระบบที่ลึกและสามารถย้อนกลับมาวิ่งวนได้อยู่หลายครั้ง Grim Dawn ก็นับได้ว่าเป็นเกมที่คุณไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตัวเกมนั้นลดราคาแรง ๆ ในช่วง Summer Sales ที่กำลังจะมาถึง

// ตัวเกมรองรับการใช้ Controller ด้วย จริงที่ว่าการจัดการ Items และรายละเอียดยิบย่อยต่าง ๆ สลับไปใช้เมาส์และคีย์บอร์ดก็ยังสะดวกกว่า (ตัวเกมสลับการควบคุมระหว่าง Controller และเมาส์โดยอัตโนมัติ) แต่ในระหว่างเล่นนั้น การใช้ Controller ในเกมนี้สนุกมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเล่นสายที่เน้นโจมตีแบบ Melee //

ปล 1. การเล่น Grim Dawn โดยที่ไม่มีภาคเสริมทั้งสองถือเป็นบาป

ปล 2. ถ้าคุณชอบความเห็นนี้ ก็เป็นไปได้มากที่คุณจะชอบเพจนี้
เรื่องเล่าจากข้างใต้ผืนฟ้าที่ไร้แสง [www.facebook.com]